&lt;p style=&quot;text-align: center;&quot;&gt;&lt;span style=&quot;color: #999999;&quot;&gt;&lt;span style=&quot;color: #99ccff;&quot;&gt;&lt;em&gt;แปลและเรียบเรียงโดย พ.ญ.บุณยวีร์ อนุเชษฐรักษ์ และ น.พ.ณัฐเขต แย้มอิ่ม&lt;/em&gt;&lt;/span&gt;&amp;nbsp;พัลซ์ คลินิก&lt;/span&gt;&lt;/p&gt;
&lt;hr /&gt;
&lt;p&gt;&amp;nbsp;&lt;/p&gt;
&lt;div class=&quot;col-12&quot;&gt;
&lt;h1 class=&quot;blog__pageTitle mb-0&quot;&gt;&lt;span style=&quot;color: #ff99cc;&quot;&gt;&lt;strong&gt;ปวดท้องประจำเดือน อันตรายแค่ไหน เมื่อไหร่ต้องพบแพทย์&lt;/strong&gt;&lt;/span&gt;&lt;/h1&gt;
&lt;/div&gt;
&lt;p style=&quot;-qt-block-indent: 0; text-indent: 0px; margin: 0px;&quot;&gt;&lt;span style=&quot;color: #99ccff;&quot;&gt;ผู้หญิงส่วนใหญ่ต่างเคยมีอาการปวดประจำเดือนและมักคิดว่าอาการปวดประจำเดือนเป็นเรื่องธรรมชาติโดยเฉพาะหากมีอาการปวดเพียงเล็กน้อยและสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ อย่างไรก็ตาม อาการปวดประจำเดือนเล็กน้อยแต่ปวดมาเป็นระยะเวลานาน อาจเป็นสัญญาณบ่งบอกของโรคร้ายได้เช่นเดียวกับอาการปวดประจำเดือนที่รุนแรงจนส่งผลต่อคุณภาพชีวิต ดังนั้นจึงควรไปพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยสาเหตุที่แท้จริงของอาการปวดประจำเดือนนั้น&lt;/span&gt;&lt;/p&gt;
&lt;ul&gt;
&lt;li&gt;&lt;a href=&quot;https://www.bumrungrad.com/th/health-blog/july-2019/dysmenorrhea#what&quot;&gt;&lt;span style=&quot;color: #ffffff;&quot;&gt;อาการปวดประจำเดือนคืออะไร&lt;/span&gt;&lt;/a&gt;&lt;/li&gt;
&lt;li&gt;&lt;span style=&quot;color: #ffffff;&quot;&gt;&lt;a href=&quot;https://www.bumrungrad.com/th/health-blog/july-2019/dysmenorrhea#Causes&quot;&gt;สาเหตุของการปวดประจำเดือน&lt;/a&gt;&lt;/span&gt;&lt;/li&gt;
&lt;li&gt;&lt;span style=&quot;color: #ffffff;&quot;&gt;&lt;a href=&quot;https://www.bumrungrad.com/th/health-blog/july-2019/dysmenorrhea#Type&quot;&gt;ประเภทของอาการปวดประจำเดือน&lt;/a&gt;&lt;/span&gt;&lt;/li&gt;
&lt;li&gt;&lt;span style=&quot;color: #ffffff;&quot;&gt;&lt;a href=&quot;https://www.bumrungrad.com/th/health-blog/july-2019/dysmenorrhea#Treatments&quot;&gt;การป้องกันและบรรเทาอาการปวดประจำเดือน&lt;/a&gt;&lt;/span&gt;&lt;/li&gt;
&lt;li&gt;&lt;span style=&quot;color: #ffffff;&quot;&gt;&lt;a href=&quot;https://www.bumrungrad.com/th/health-blog/july-2019/dysmenorrhea#When&quot;&gt;เมื่อไหร่ที่ควรไปพบแพทย์&lt;/a&gt;&lt;/span&gt;&lt;/li&gt;
&lt;/ul&gt;
&lt;h2 style=&quot;-qt-block-indent: 0; text-indent: 0px; margin: 0px;&quot;&gt;&amp;nbsp;&lt;/h2&gt;
&lt;h2&gt;&lt;a&gt;&lt;/a&gt;&lt;span style=&quot;color: #ff99cc;&quot;&gt;&lt;strong&gt;อาการปวดประจำเดือนคืออะไร&lt;/strong&gt;&lt;/span&gt;&lt;/h2&gt;
&lt;hr /&gt;
&lt;p style=&quot;-qt-block-indent: 0; text-indent: 0px; margin: 0px;&quot;&gt;&lt;span style=&quot;color: #99ccff;&quot;&gt;ผู้หญิงจำนวนมากมีอาการปวดท้องก่อนมีประจำเดือน 1-2 วัน และระหว่างมีประจำเดือนในช่วงวันแรกๆ อาการปวดประจำเดือน (dysmenorrhea) มีตั้งแต่อาการปวดหน่วงหรือปวดเกร็งเล็กน้อย ไปจนถึงอาการปวดขั้นรุนแรงบริเวณท้องน้อยและอาจมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น&amp;nbsp;ปวดหลังด้านล่าง คลื่นไส้อาเจียน เหงื่อออก ท้องเสียหรือท้องผูก ท้องอืด เวียนศีรษะและปวดศีรษะ&amp;nbsp;เป็นต้น&lt;/span&gt;&lt;br /&gt;&lt;br /&gt;&lt;span style=&quot;color: #99ccff;&quot;&gt;&amp;nbsp;&lt;/span&gt;&lt;/p&gt;
&lt;h2&gt;&lt;span style=&quot;color: #ff99cc;&quot;&gt;&lt;a&gt;&lt;/a&gt;&lt;strong&gt;สาเหตุของการปวดประจำเดือน&lt;/strong&gt;&lt;/span&gt;&lt;/h2&gt;
&lt;hr /&gt;
&lt;p style=&quot;-qt-block-indent: 0; text-indent: 0px; margin: 0px;&quot;&gt;&lt;span style=&quot;color: #99ccff;&quot;&gt;โดยเฉลี่ยทุกๆ 28 วัน หากไข่ไม่มีอสุจิมาผสม เยื่อบุโพรงมดลูกจะหลุดลอกออกมาเป็นประจำเดือน อาการปวดประจำเดือนเกิดจากสารที่ออกฤทธิ์คล้ายฮอร์โมน ชื่อว่า โพรสตาแกลนดิน (prostaglandin) ซึ่งก่อตัวขึ้นที่เยื่อบุโพรงมดลูกระหว่างมีประจำเดือน โพรสตาแกลนดินทำให้กล้ามเนื้อบีบตัวและหดเกร็งคล้ายกับอาการเจ็บปวดขณะคลอดบุตร นอกจากนี้ยังทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ ท้องเสีย หากร่างกายหลั่งสารนี้ในปริมาณมากจะยิ่งเพิ่มความรุนแรงของอาการบีบรัด ทำให้รู้สึกปวดประจำเดือนยิ่งขึ้น&lt;/span&gt;&lt;br /&gt;&lt;br /&gt;&amp;nbsp;&lt;/p&gt;
&lt;h2&gt;&lt;a&gt;&lt;/a&gt;&lt;span style=&quot;color: #ff99cc;&quot;&gt;&lt;strong&gt;ประเภทของอาการปวดประจำเดือน&lt;/strong&gt;&lt;/span&gt;&lt;/h2&gt;
&lt;hr /&gt;
&lt;h3 style=&quot;-qt-block-indent: 0; text-indent: 0px; margin: 0px;&quot;&gt;&lt;span style=&quot;color: #ff99cc;&quot;&gt;อาการปวดประจำเดือนแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทด้วยกัน&lt;/span&gt;&lt;/h3&gt;
&lt;ul&gt;
&lt;li&gt;&lt;span style=&quot;color: #99ccff;&quot;&gt;ปวดประจำเดือนประเภทปฐมภูมิ (Primary Dysmenorrhea) เป็นอาการปวดประจำเดือนที่พบบ่อยที่สุด สาเหตุมักเกิดจากการที่เยื่อบุโพรงมดลูกผลิตสารโพรสตาแกลนดินมากเกินไป&lt;/span&gt;&lt;/li&gt;
&lt;li&gt;&lt;span style=&quot;color: #99ccff;&quot;&gt;ปวดประจำเดือนประเภททุติยภูมิ (Secondary Dysmenorrhea) เกิดจากภาวะผิดปกติของมดลูกหรืออวัยวะสืบพันธุ์อื่นๆ เช่น&lt;/span&gt;
&lt;ul&gt;
&lt;li&gt;&lt;span style=&quot;color: #99ccff;&quot;&gt;เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่&amp;nbsp;(endometriosis) เกิดจากเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญนอกมดลูก ซึ่งเมื่อเจริญผิดที่แต่ยังทำหน้าที่สร้างประจำเดือนเหมือนเดิม ทำให้อาจมีเลือดประจำเดือนในอุ้งเชิงกรานบริเวณที่มีเยื่อบุโพรวมดลูกไปเกาะในแต่ละรอบเดือน ปวดท้องน้อยอย่างรุนแรงและอาจเป็นสาเหตุของการมีบุตรยาก&lt;/span&gt;&lt;/li&gt;
&lt;li&gt;&lt;span style=&quot;color: #99ccff;&quot;&gt;เยื่อบุมดลูกเจริญภายในกล้ามเนื้อมดลูก (Adenomyosis) &amp;nbsp;ผู้ป่วยจะมีอาการปวดประจำเดือนอย่างมาก และ/หรือ เลือดประจำเดือนมากและยาวนานกว่าปกติ&amp;nbsp;&lt;/span&gt;&lt;/li&gt;
&lt;li&gt;&lt;span style=&quot;color: #99ccff;&quot;&gt;เนื้องอกมดลูก&amp;nbsp;(uterine fibroids) &amp;nbsp;มักไม่ใช่เนื้อร้าย ขนาดมีตั้งแต่เล็กมากไปจนถึงขนาดใหญ่ หากมีขนาดใหญ่ มักทำให้มีเลือดประจำเดือนออกมามากหรือประจำเดือนกระปริบกระปรอยนานเป็นสัปดาห์ พร้อมกับอาการปวดประจำเดือนหรือปวดหลังส่วนล่างแบบเรื้อรัง&amp;nbsp;&lt;/span&gt;&lt;/li&gt;
&lt;li&gt;&lt;span style=&quot;color: #99ccff;&quot;&gt;ภาวะอุ้งเชิงกรานอักเสบ&amp;nbsp;(Pelvic Inflammatory Disease)&lt;strong&gt;&amp;nbsp;&lt;/strong&gt;เป็นการติดเชื้อบริเวณระบบสืบพันธุ์ในเพศหญิง ส่วนใหญ่เกิดจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์&amp;nbsp;หากไม่รักษาให้หายขาด ทำให้เกิดการอักเสบเรื้อรังและปวดท้องระหว่างมีประจำเดือน&amp;nbsp; และอาจเป็นสาเหตุของการมีบุตรยาก&lt;/span&gt;&lt;/li&gt;
&lt;li&gt;&lt;span style=&quot;color: #99ccff;&quot;&gt;ภาวะปากมดลูกตีบ&amp;nbsp;(Cervical stenosis) เกิดจากปากมดลูกแคบเกินไป ทำให้เลือดประจำเดือนไหลได้ช้าแต่หากรูปิดสนิท จะทำให้ของเหลวคั่งค้างภายในโพรงมดลูก ทำให้เกิดอาการปวดท้องมากและเรื้อรัง&lt;/span&gt;&lt;/li&gt;
&lt;/ul&gt;
&lt;/li&gt;
&lt;/ul&gt;
&lt;h2 style=&quot;-qt-block-indent: 0; text-indent: 0px; margin: 0px;&quot;&gt;&amp;nbsp;&lt;/h2&gt;
&lt;h2&gt;&lt;a&gt;&lt;/a&gt;&lt;span style=&quot;color: #ff99cc;&quot;&gt;&lt;strong&gt;การป้องกันและบรรเทาอาการปวดประจำเดือน&lt;/strong&gt;&lt;/span&gt;&lt;/h2&gt;
&lt;hr /&gt;
&lt;p style=&quot;-qt-block-indent: 0; text-indent: 0px; margin: 0px;&quot;&gt;&lt;span style=&quot;color: #99ccff;&quot;&gt;หากมีอาการปวดประจำเดือน ผู้ป่วยสามารถดูแลรักษาตัวเองได้โดย&lt;/span&gt;&lt;/p&gt;
&lt;ul&gt;
&lt;li&gt;&lt;span style=&quot;color: #99ccff;&quot;&gt;ใช้กระเป๋าน้ำร้อนประคบท้องน้อยและหลัง&lt;/span&gt;&lt;/li&gt;
&lt;li&gt;&lt;span style=&quot;color: #99ccff;&quot;&gt;อาบน้ำอุ่น&lt;/span&gt;&lt;/li&gt;
&lt;li&gt;&lt;span style=&quot;color: #99ccff;&quot;&gt;ใช้เทคนิคการผ่อนคลาย เช่น โยคะหรือนั่งสมาธิ&lt;/span&gt;&lt;/li&gt;
&lt;li&gt;&lt;span style=&quot;color: #99ccff;&quot;&gt;รับประทานยาต้านการอักเสบชนิดไม่มีสเตียรอยด์ (NSAIDs) ควรรับประทานเมื่อเริ่มมีอาการปวดหรือก่อนมีอาการปวด การรับประทานยาแก้ปวดอาจมีผลข้างเคียง ดังนั้นควรใช้เมื่อมีอาการปวดอย่างรุนแรงเท่านั้น&lt;/span&gt;&lt;/li&gt;
&lt;li&gt;&lt;span style=&quot;color: #99ccff;&quot;&gt;พักผ่อนให้เพียงพอ&lt;/span&gt;&lt;/li&gt;
&lt;li&gt;&lt;span style=&quot;color: #99ccff;&quot;&gt;ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ&lt;/span&gt;&lt;/li&gt;
&lt;li&gt;&lt;span style=&quot;color: #99ccff;&quot;&gt;รับประทานผักและผลไม้ ลดปริมาณอาหารที่มีไขมัน เกลือ เครื่องดื่มผสมคาเฟอีน เครื่องดื่มแอลกอฮอล์และขนมหวาน&lt;/span&gt;&lt;/li&gt;
&lt;/ul&gt;
&lt;h2 style=&quot;-qt-block-indent: 0; text-indent: 0px; margin: 0px;&quot;&gt;&amp;nbsp;&lt;/h2&gt;
&lt;h2&gt;&lt;a&gt;&lt;/a&gt;&lt;span style=&quot;color: #ff99cc;&quot;&gt;&lt;strong&gt;เมื่อไหร่ที่ควรไปพบแพทย์&lt;/strong&gt;&lt;/span&gt;&lt;/h2&gt;
&lt;hr /&gt;
&lt;p style=&quot;-qt-block-indent: 0; text-indent: 0px; margin: 0px;&quot;&gt;&lt;span style=&quot;color: #99ccff;&quot;&gt;สำหรับผู้หญิงส่วนใหญ่อาการปวดประจำเดือนเป็นเรื่องปกติ แต่หากมีอาการดังต่อไปนี้ อาจเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงโรคภัยที่ร้ายแรงกว่าอาการปวดประจำเดือนทั่วไป&lt;/span&gt;&lt;/p&gt;
&lt;ul&gt;
&lt;li&gt;&lt;span style=&quot;color: #99ccff;&quot;&gt;รับประทานยาแล้วแต่ยังไม่หายปวด&lt;/span&gt;&lt;/li&gt;
&lt;li&gt;&lt;span style=&quot;color: #99ccff;&quot;&gt;อาการปวดประจำเดือนเป็นมากขึ้น&lt;/span&gt;&lt;/li&gt;
&lt;li&gt;&lt;span style=&quot;color: #99ccff;&quot;&gt;มีอายุมากกว่า 25 ปีและรู้สึกปวดประจำเดือนอย่างรุนแรงเป็นครั้งแรก&lt;/span&gt;&lt;/li&gt;
&lt;li&gt;&lt;span style=&quot;color: #99ccff;&quot;&gt;มีไข้พร้อมปวดประจำเดือน&lt;/span&gt;&lt;/li&gt;
&lt;li&gt;&lt;span style=&quot;color: #99ccff;&quot;&gt;เลือดประจำเดือนไหลออกมามากว่าปกติ โดยต้องเปลี่ยนผ้าอนามัยทุกชั่วโมง&lt;/span&gt;&lt;/li&gt;
&lt;li&gt;&lt;span style=&quot;color: #99ccff;&quot;&gt;รู้สึกปวดท้องน้อยถึงแม้ไม่มีประจำเดือนก็ตาม&lt;/span&gt;&lt;/li&gt;
&lt;li&gt;&lt;span style=&quot;color: #99ccff;&quot;&gt;มีอาการติดเชื้อ เช่น&amp;nbsp;ตกขาวมีกลิ่น อาการคันบริเวณปากช่องคลอด เลือดประจำเดือนมีสีแปลกไปจากปกติ&lt;/span&gt;&lt;/li&gt;
&lt;li&gt;&lt;span style=&quot;color: #99ccff;&quot;&gt;มีบุตรยาก&lt;/span&gt;&lt;/li&gt;
&lt;/ul&gt;

&lt;p&gt;&amp;nbsp;&lt;/p&gt;
&lt;p&gt;&lt;span style=&quot;color: #99ccff;&quot;&gt;ปวดประจำเดือน ปัญหาโลกแตกของผู้หญิงที่นอกจากจะบรรเทาได้ด้วยการกินยาแก้ปวด ยังสามารถ&lt;strong&gt;ลดอาการปวดได้ด้วยวิธีเหล่านี้ด้วยนะ&lt;/strong&gt;&amp;nbsp;กี่ครั้งกี่หนที่ต้องทนกับ &amp;ldquo;อาการปวดประจำเดือน&amp;rdquo; จนตัวขดตัวงอทุกเดือน ถ้าลำพังนานๆ ทีถึงจะปวดก็คงพอกินยาบรรเทาได้ แต่สำหรับใครที่ปวดหนัก ปวดบ่อย ปวดทุกครั้งและบางทีก็ปวดหลายวันติดต่อกัน เลยไม่กล้ากินยาแก้ปวดถี่ๆ เพราะกลัวไตจะพังก่อนวัยอันควร นี่คือวิธีแก้ปวดประจำเดือนแบบไม่ต้องพึ่งยาที่เราอยากแนะนำ&lt;/span&gt;&lt;/p&gt;
&lt;h3&gt;&lt;span style=&quot;color: #ff99cc;&quot;&gt;ออกกำลังกายเบาๆ&lt;/span&gt;&lt;/h3&gt;
&lt;blockquote&gt;
&lt;p&gt;&lt;span style=&quot;color: #99ccff;&quot;&gt;สาวๆ หลายคนเข้าใจว่าช่วงมีประจำเดือนไม่ควรออกกำลังกาย เพราะเป็นช่วงที่ร่างกายอ่อนเพลียและเสี่ยงต่อการเป็นลมได้ง่าย แต่จริงๆ แล้วผู้หญิงทุกคนสามารถออกกำลังกายได้ขณะมีประจำเดือน เพียงแต่ต้องเลือกให้เหมาะสมกับความแข็งแรงของตัวเอง อาจจะเลือกเป็นกิจกรรมที่ไม่หนักมาก เช่น การเดินเร็ว หรือ เล่นโยคะในท่าง่ายๆ ซึ่งการออกกำลังกายช่วงมีประจำเดือนนั้นไม่เพียงแต่ช่วยปรับอารมณ์ในวันที่ฮอร์โมนแปรปรวน แต่สาร Endorphins ที่หลั่งออกมา... ยังช่วยลดอาการปวดประจำเดือนได้ดีอีกด้วย&lt;/span&gt;&lt;/p&gt;
&lt;/blockquote&gt;
&lt;h3&gt;&lt;span style=&quot;color: #ff99cc;&quot;&gt;ประคบร้อน&lt;/span&gt;&lt;/h3&gt;
&lt;blockquote&gt;
&lt;p&gt;&lt;span style=&quot;color: #99ccff;&quot;&gt;กระเป๋าประคบร้อน...น่าจะเป็นไอเท็มที่สาวๆ ทุกคนมีติดบ้านหรือที่ทำงาน เพราะเป็นวิธีที่ง่ายและได้ผลดี เนื่องจากความร้อนมีส่วนช่วยให้กล้ามเนื้อที่ตึงอยู่ค่อยๆ ผ่อนคลาย ทำให้อาการปวดประจำเดือนทุเลาลง รวมไปถึงการอาบน้ำอุ่นก็เป็นอีกวิธีที่ช่วยลดอาการปวดประจำเดือนได้&lt;/span&gt;&lt;/p&gt;
&lt;/blockquote&gt;
&lt;h3&gt;&lt;span style=&quot;color: #ff99cc;&quot;&gt;จิบเครื่องดื่มอุ่นๆ ที่ไม่ใช่ชาหรือกาแฟร้อน&lt;/span&gt;&lt;/h3&gt;
&lt;blockquote&gt;
&lt;p&gt;&lt;span style=&quot;color: #99ccff;&quot;&gt;นอกจากการสัมผัสความร้อนจากภายนอก การปรับให้ภายในร่างกายอุ่นขึ้นด้วยการจิบเครื่องดื่มอุ่นๆ ระหว่างวันก็ช่วยลดอาการปวดประจำเดือนลงได้ แต่ไม่ควรดื่มเป็นชาหรือกาแฟร้อน เพราะเครื่องดื่มประเภทคาเฟอีนจะมีฤทธิ์ขับปัสสาวะ ส่งผลให้อาการปวดประจำเดือนเพิ่มความรุนแรงขึ้นได้ ควรเลือกเป็นน้ำอุ่นธรรมดา น้ำผึ้งผสมมะนาว หรือน้ำขิงอุ่นๆ จะดีกว่า&lt;/span&gt;&lt;/p&gt;
&lt;/blockquote&gt;
&lt;h3&gt;&lt;span style=&quot;color: #ff99cc;&quot;&gt;เน้นกินอาหารกลุ่มที่มีแมกนีเซียม&lt;/span&gt;&lt;/h3&gt;
&lt;blockquote&gt;
&lt;p&gt;&lt;span style=&quot;color: #99ccff;&quot;&gt;รู้หรือไม่ว่า แค่เลือกกินให้ถูกก็ช่วยลดอาการปวดประจำเดือนได้โดยไม่ต้องพึ่งยาเลยทีเดียว ซึ่งอาหารที่เหมาะสำหรับช่วงมีประจำเดือน คือกลุ่มที่มีแมกนีเซียม เช่น ผักโขม ผักปวยเล้ง ตำลึง หรือกล้วย เพราะแมกนีเซียมมีส่วนช่วยคลายกล้ามเนื้อ ลดอาการปวดเกร็งในช่องท้อง ทำให้อาการปวดประจำเดือนทุเลาลงได้&lt;/span&gt;&lt;/p&gt;
&lt;/blockquote&gt;
&lt;h3&gt;&lt;span style=&quot;color: #ff99cc;&quot;&gt;นวดบริเวณท้องน้อยเบาๆ&lt;/span&gt;&lt;/h3&gt;
&lt;blockquote&gt;
&lt;p&gt;&lt;span style=&quot;color: #99ccff;&quot;&gt;หากมีอาการปวดท้องประจำเดือนขณะนั่งทำงาน ก็สามารถบรรเทาด้วยการนวดบริเวณท้องน้อยเบาๆ โดยนวดวนเป็นวงกลมเพื่อให้กล้ามเนื้อบริเวณท้องผ่อนคลายลง อาการปวดประจำเดือนจากการตึงของกล้ามเนื้อก็จะลดลงตามไปด้วย&lt;/span&gt;&lt;/p&gt;
&lt;/blockquote&gt;
&lt;h3&gt;&lt;span style=&quot;color: #ff99cc;&quot;&gt;การฝังเข็มระงับปวด&lt;/span&gt;&lt;/h3&gt;
&lt;blockquote&gt;
&lt;p&gt;&lt;span style=&quot;color: #99ccff;&quot;&gt;อีกวิธีที่ใช้เทคนิคทางการแพทย์เข้าช่วย ก็คือการฝังเข็มระงับปวด เป็นการฝังเข็มเพื่อกระตุ้นการทำงานของส่วนต่างๆ ในร่างกาย ช่วยให้ระบบเลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น มดลูกคลายตัวจากการบีบรัด ป้องกันอาการปวดประจำเดือน... หรือช่วยให้อาการปวดประจำเดือนไม่รุนแรงมากนัก หากออกกำลังกายก็แล้ว จิบน้ำอุ่นก็แล้ว หรือกินยาบรรเทาปวดก็แล้ว แต่อาการปวดประจำเดือนก็ยังไม่ดีขึ้น หรืออาการปวดกลับเพิ่มระดับความรุนแรง นี่อาจเป็นสัญญาณเตือนถึงโรคที่ซ่อนอยู่ ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียดจะดีกว่า&lt;/span&gt;&lt;/p&gt;
&lt;/blockquote&gt;
&lt;p&gt;&lt;img src=&quot;https://cms.pulse-clinic.com/Files/neverletgo-gif.gif&quot; width=&quot;782&quot; height=&quot;344&quot; style=&quot;display: block; margin-left: auto; margin-right: auto;&quot; /&gt;&lt;/p&gt;
&lt;p style=&quot;text-align: center;&quot;&gt;&lt;span style=&quot;color: #99ccff;&quot;&gt;&lt;span style=&quot;color: #808080;&quot;&gt;&lt;img src=&quot;https://cms.pulse-clinic.com/Files/Logo%20PULSE%20Cross.png&quot; width=&quot;17&quot; height=&quot;17&quot; /&gt;&lt;/span&gt;&lt;/span&gt;&lt;/p&gt;

ปวดประจำเดือน

วัคซีนโควิด-19 ปลอดภัยสำหรับผู้ติดเชื้อเอชไอวี

สาเหตุและการรักษาอาการปวดประจำเดือน

ตรวจสุขภาพทางเพศและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

ตรวจสุขภาพประจำปี

ตรวจหาดีเอ็นเอเชื้อโรค 12 ชนิด (NAAT)

การคุมกำเนิด

การคุมกำเนิดชั่วคราว

การคุมกำเนิดถาวร

การคุมกำเนิดหลังคลอด

รู้จักโรคไส้เลื่อน ไม่ใส่กางเกงในคือสาเหตุของโรคไส้เลื่อนจริงหรือไม่?

ปวดประจำเดือน

WHAT ELSE DO YOU NEED TO KNOW

RELATED SERVICES