&lt;p style=&quot;text-align: center;&quot;&gt;&lt;span style=&quot;color: #999999;&quot;&gt;&lt;span style=&quot;color: #99ccff;&quot;&gt;&lt;em&gt;แปลและเรียบเรียงโดย พ.ญ.บุณยวีร์ อนุเชษฐรักษ์ และ น.พ.ณัฐเขต แย้มอิ่ม&lt;/em&gt;&lt;/span&gt;&amp;nbsp;พัลซ์ คลินิก&lt;/span&gt;&lt;/p&gt;
&lt;hr /&gt;
&lt;p&gt;&amp;nbsp;&lt;/p&gt;
&lt;div class=&quot;col-12&quot;&gt;
&lt;h1 class=&quot;blog__pageTitle mb-0&quot;&gt;&lt;strong&gt;การใช้ยารักษาอาการปวดท้องประจำเดือน&lt;/strong&gt;&lt;/h1&gt;
&lt;/div&gt;
&lt;p&gt;&lt;span style=&quot;color: #99ccff;&quot;&gt;วัยรุ่น หรือวัยเจริญพันธุ์ จะเป็นช่วงที่ผู้หญิงเริ่มมีประจำเดือน และมีสาวๆจำนวนมากที่พบกับปัญหาปวดท้องในช่วงที่มีประจำเดือน ซึ่งอาจรบกวนการทำกิจวัตรประจำวัน เช่น การทำงาน หรือการเรียน เป็นต้น จึงหาซื้อยาแก้ปวดมารับประทาน โดยหลายๆคนมีความเคยชินหรือได้รับคำแนะนำจากเพื่อนเกี่ยวกับยาที่ใช้ เช่น เมื่อเข้ามาในร้านยาจะแจ้งเภสัชกรว่า &amp;ldquo;ขอซื้อยาแก้ปวดประจำเดือนเม็ดรีๆ สีเหลือง&amp;rdquo; หรืออาจระบุชื่อการค้าของยา เช่น พอน-สแตน (Ponstan&lt;sup&gt;&amp;reg;&lt;/sup&gt;) หรือ โก-เฟน (Gofen&lt;sup&gt;&amp;reg;&lt;/sup&gt;) เป็นต้น และไม่รับยาอื่นที่เภสัชกรแนะนำให้ใช้แทน แต่จริงๆแล้วยาแก้ปวดที่สามารถใช้บรรเทาอาการปวดประจำเดือนมีหลายชนิด เราลองมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับอาการปวดประจำเดือนกันว่าเป็นอย่างไร รวมทั้งการใช้ยาเพื่อบรรเทาอาการนี้&lt;/span&gt;&lt;/p&gt;
&lt;h2&gt;&lt;strong&gt;&lt;u&gt;อาการปวดประจำเดือนเกิดจากอะไร?&lt;/u&gt;&lt;/strong&gt;&lt;/h2&gt;
&lt;p&gt;&lt;span style=&quot;color: #99ccff;&quot;&gt;โดยทั่วไป อาการปวดประจำเดือน (กรณีที่ไม่มีความผิดปกติภายในมดลูก รังไข่ หรือช่องคลอด) มักพบภายใน 6-12 เดือนหลังจากการมีประจำเดือนครั้งแรก และอาการมักเกิด 1-2 วันก่อนมีประจำเดือนหรืออาจเกิดขึ้นในวันที่มีประจำเดือนก็ได้ ซึ่งการเกิดอาการดังกล่าวเกี่ยวข้องกับสารกระตุ้นการอักเสบ ได้แก่ โพรส-ตา-แกลน-ดิน (prostaglandins) ซึ่งมีการศึกษาพบว่า ในเลือดประจำเดือนของผู้หญิงที่มีอาการปวดประจำเดือนมีสารชนิดนี้สูงกว่าผู้หญิงที่ไม่มีอาการปวดถึง 2 เท่า ซึ่งนอกจากจะทำให้เกิดการอักเสบแล้ว ยังมีผลทำให้กล้ามเนื้อมดลูกบีบตัวมากกว่าปกติ จึงทำให้มีอาการปวดท้องขณะมีประจำเดือน และอาจลามไปที่เอวด้านหลังและต้นขา หรือในบางคนอาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย และอ่อนเพลียร่วมด้วย&lt;/span&gt;&lt;/p&gt;
&lt;h2&gt;&lt;strong&gt;&lt;u&gt;ยาบรรเทาอาการปวดประจำเดือนคือยาอะไร?&lt;/u&gt;&lt;/strong&gt;&lt;/h2&gt;
&lt;p&gt;&lt;span style=&quot;color: #99ccff;&quot;&gt;ยาแก้ปวดลดการอักเสบที่ใช้เป็นอันดับแรกในการบรรเทาอาการปวดประจำเดือน เรียกสั้นๆว่า เอ็น-เสด (NSAIDs ย่อมาจาก Non-Steroidal Anti-Inflammatory Drugs) ซึ่งเป็นกลุ่มยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ โดยยาออกฤทธิ์ยับยั้งการสร้างโพรสตาแกลนดิน จึงมีผลลดอาการปวดประจำเดือนได้ อย่างไรก็ตาม ยาในกลุ่มนี้ประกอบด้วยยาหลายชนิด และยังไม่มีการศึกษาที่แสดงให้เห็นว่ายาชนิดใดดีกว่ากันในการบรรเทาอาการปวดประจำเดือน แต่การเลือกใช้ยาจะขึ้นกับหลายปัจจัย เช่น ประวัติการแพ้ยา และโรคประจำตัวของผู้ป่วย เช่น ผู้ที่มีแผลในทางเดินอาหาร เป็นโรคตับหรือไตบกพร่องรุนแรง ไม่ควรใช้ยากลุ่มนี้ หรือผู้ที่เป็นโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด อาจใช้ยากลุ่ม เอ็น-เสด ได้เพียงบางชนิด เป็นต้น ดังนั้น จึงควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยา และไม่ควรแบ่งยาของตนเองให้ผู้อื่นใช้ ตัวอย่างยาที่ใช้บ่อยและขนาดยา ดังนี้&lt;/span&gt;&lt;/p&gt;
&lt;ul&gt;
&lt;li&gt;&lt;span style=&quot;color: #999999;&quot;&gt;&lt;strong&gt;Ipubrofen&lt;/strong&gt; (ยี่ห้อ Nurofen, Gofen) เริ่มกิน 800 มิลลิกรัม หลังจากนั้นทุก 8 ชั่วโมง กิน 400 มิลลกรัม&lt;/span&gt;&lt;/li&gt;
&lt;li&gt;&lt;span style=&quot;color: #999999;&quot;&gt;&lt;strong&gt;Naproxen Sodium&lt;/strong&gt; (ยี่ห้อ Synflex) เริ่มกิน 440-550 มิลลิกรัม หลังจากนั้นทุก 12 ชั่วโมง กิน 220-550 มิลลกรัม&lt;/span&gt;&lt;/li&gt;
&lt;li&gt;&lt;span style=&quot;color: #999999;&quot;&gt;&lt;strong&gt;Mefenamic Acid&lt;/strong&gt; (ยี่ห้อ Ponstan, Mefamed) เริ่มกิน 500 มิลลิกรัม หลังจากนั้นทุก 6 ชั่วโมง กิน 250 มิลลกรัม&lt;/span&gt;&lt;/li&gt;
&lt;li&gt;&lt;span style=&quot;color: #999999;&quot;&gt;&lt;strong&gt;Celecoxib&lt;/strong&gt; (ยี่ห้อ Celebrex) เริ่มกิน 400 มิลลิกรัม หลังจากนั้นทุก 12 ชั่วโมง กิน 200 มิลลกรัม&lt;/span&gt;&lt;/li&gt;
&lt;/ul&gt;
&lt;h2&gt;&lt;span style=&quot;text-decoration: underline;&quot;&gt;&lt;strong&gt;&lt;u&gt;ยาบรรเทาอาการปวดประจำเดือนใช้อย่างไร?&lt;/u&gt;&lt;/strong&gt;&lt;/span&gt;&lt;/h2&gt;
&lt;p&gt;&lt;span style=&quot;color: #99ccff;&quot;&gt;สำหรับผู้ที่มีอาการปวดทุกรอบเดือน และมีรอบเดือนสม่ำเสมอ (สามารถคาดการณ์วันที่จะเกิดประจำเดือนได้) ควรเริ่มรับประทานยากลุ่ม เอ็น-เสด ภายใน 1-2 วัน ก่อนมีประจำเดือน จะให้ประสิทธิผลดีที่สุด แต่หากไม่สามารถทำได้ เช่น ปวดประจำเดือนครั้งแรก และเกิดขึ้นเมื่อมีประจำเดือนแล้ว เป็นต้น สามารถรับประทานยาให้เร็วที่สุดหลังมีอาการปวด และหลังจากนั้นควรรับประทานยากลุ่มนี้ต่อเนื่องจนถึง 2-3 วันแรกของการมีประจำเดือน&lt;/span&gt;&lt;br /&gt;&lt;br /&gt;&lt;span style=&quot;color: #99ccff;&quot;&gt;นอกจากการรับประทานยาแก้ปวดลดการอักเสบแล้ว ในผู้ป่วยบางราย แพทย์อาจให้รับประทานฮอร์โมนคุมกำเนิดเพื่อปรับระดับฮอร์โมนในร่างกาย&lt;/span&gt;&lt;/p&gt;
&lt;h2&gt;&lt;span style=&quot;text-decoration: underline;&quot;&gt;&lt;strong&gt;&lt;u&gt;ปวดประจำเดือน ทำไมได้ยาแก้ปวดฟันมารับประทาน?&lt;/u&gt;&lt;/strong&gt;&lt;/span&gt;&lt;/h2&gt;
&lt;p&gt;&lt;span style=&quot;color: #99ccff;&quot;&gt;เนื่องจากสารโพรสตาแกลนดินเกี่ยวข้องกับอาการปวดและอักเสบหลายชนิด จึงไม่แปลกที่บางครั้งผู้ป่วยปวดคนละตำแหน่ง แต่แพทย์หรือเภสัชกรจ่ายยาตัวเดียวกัน เช่น พอน-สแตน หรือ โกเฟน สามารถใช้ได้ทั้งแก้ปวดฟัน ปวดกล้ามเนื้อ ปวดข้อ และปวดประจำเดือน เป็นต้น แต่การเลือกใช้ยาขึ้นกับหลายปัจจัยดังกล่าวข้างต้น อีกทั้งสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ใช้ยาไม่ได้ผล คือ ขนาดยาไม่เหมาะสม จึงควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยาเหล่านี้&lt;/span&gt;&lt;/p&gt;

&lt;h2&gt;&lt;span style=&quot;text-decoration: underline;&quot;&gt;&lt;strong&gt;&lt;u&gt;วิธีการดูแลตัวเองในผู้ที่มีอาการปวดประจำเดือน?&lt;/u&gt;&lt;/strong&gt;&lt;/span&gt;&lt;/h2&gt;
&lt;p&gt;&lt;span style=&quot;color: #99ccff;&quot;&gt;นอกจากการใช้ยาแล้ว วิธีการเหล่านี้อาจช่วยบรรเทาอาการปวดประจำเดือนได้ เช่น&lt;/span&gt;&lt;/p&gt;
&lt;ul&gt;
&lt;li&gt;&lt;span style=&quot;color: #99ccff;&quot;&gt;การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ&lt;/span&gt;&lt;/li&gt;
&lt;li&gt;&lt;span style=&quot;color: #99ccff;&quot;&gt;หลีกเลี่ยงอาหารที่มี caffeine&lt;/span&gt;&lt;/li&gt;
&lt;li&gt;&lt;span style=&quot;color: #99ccff;&quot;&gt;หยุดสูบบุหรี่ และเลิกดื่มแอลกอฮอล&lt;/span&gt;&lt;/li&gt;
&lt;li&gt;&lt;span style=&quot;color: #99ccff;&quot;&gt;วางกระเป๋าน้ำร้อนที่หน้าท้อง หรือบริเวณเอวด้านหลัง ขณะมีอาการปวด&lt;/span&gt;&lt;/li&gt;
&lt;li&gt;&lt;span style=&quot;color: #99ccff;&quot;&gt;การรับประทานน้ำขิง หรือยาสมุนไพรขิง เมื่อมีอาการปวดประจำเดือน&lt;/span&gt;&lt;/li&gt;
&lt;/ul&gt;
&lt;p&gt;&lt;span style=&quot;color: #99ccff;&quot;&gt;นอกจากนี้ อาการปวดประจำเดือนอาจมีสาเหตุมาจากความผิดปกติภายในมดลูก รังไข่ หรือช่องคลอด เช่น โรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ (endometriosis) ซึ่งเป็นสาเหตุให้เกิดอาการปวดประจำเดือนที่พบบ่อยเช่นกัน ดังนั้น ในผู้ที่ปวดประจำเดือนนานผิดปกติ หรือใช้ยาแก้ปวดแล้วไม่บรรเทา หรือมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น มีประจำเดือนมากกว่าปกติหรือนานกว่าปกติ ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุของอาการปวดดังกล่าว&lt;/span&gt;&lt;/p&gt;
&lt;h2&gt;&lt;span style=&quot;text-decoration: underline;&quot;&gt;เมื่อไหร่ที่ควรไปพบแพทย์&lt;/span&gt;&lt;/h2&gt;
&lt;p style=&quot;-qt-block-indent: 0; text-indent: 0px; margin: 0px;&quot;&gt;&lt;span style=&quot;color: #99ccff;&quot;&gt;สำหรับผู้หญิงส่วนใหญ่อาการปวดประจำเดือนเป็นเรื่องปกติ แต่หากมีอาการดังต่อไปนี้ อาจเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงโรคภัยที่ร้ายแรงกว่าอาการปวดประจำเดือนทั่วไป&lt;/span&gt;&lt;/p&gt;
&lt;ul&gt;
&lt;li&gt;&lt;span style=&quot;color: #99ccff;&quot;&gt;รับประทานยาแล้วแต่ยังไม่หายปวด&lt;/span&gt;&lt;/li&gt;
&lt;li&gt;&lt;span style=&quot;color: #99ccff;&quot;&gt;อาการปวดประจำเดือนเป็นมากขึ้น&lt;/span&gt;&lt;/li&gt;
&lt;li&gt;&lt;span style=&quot;color: #99ccff;&quot;&gt;มีอายุมากกว่า 25 ปีและรู้สึกปวดประจำเดือนอย่างรุนแรงเป็นครั้งแรก&lt;/span&gt;&lt;/li&gt;
&lt;li&gt;&lt;span style=&quot;color: #99ccff;&quot;&gt;มีไข้พร้อมปวดประจำเดือน&lt;/span&gt;&lt;/li&gt;
&lt;li&gt;&lt;span style=&quot;color: #99ccff;&quot;&gt;เลือดประจำเดือนไหลออกมามากว่าปกติ โดยต้องเปลี่ยนผ้าอนามัยทุกชั่วโมง&lt;/span&gt;&lt;/li&gt;
&lt;li&gt;&lt;span style=&quot;color: #99ccff;&quot;&gt;รู้สึกปวดท้องน้อยถึงแม้ไม่มีประจำเดือนก็ตาม&lt;/span&gt;&lt;/li&gt;
&lt;li&gt;&lt;span style=&quot;color: #99ccff;&quot;&gt;มีอาการติดเชื้อ เช่น&amp;nbsp;ตกขาวมีกลิ่น อาการคันบริเวณปากช่องคลอด เลือดประจำเดือนมีสีแปลกไปจากปกติ&lt;/span&gt;&lt;/li&gt;
&lt;li&gt;&lt;span style=&quot;color: #99ccff;&quot;&gt;มีบุตรยาก&lt;/span&gt;&lt;/li&gt;
&lt;/ul&gt;
&lt;p&gt;&lt;img style=&quot;display: block; margin-left: auto; margin-right: auto;&quot; src=&quot;https://cms.pulse-clinic.com/Files/neverletgo-gif.gif&quot; alt=&quot;neverletgo-gif.gif (973 KB)&quot; width=&quot;782&quot; height=&quot;344&quot; /&gt;&lt;/p&gt;
&lt;p style=&quot;text-align: center;&quot;&gt;&lt;span style=&quot;color: #99ccff;&quot;&gt;&lt;span style=&quot;color: #808080;&quot;&gt;&lt;img src=&quot;https://cms.pulse-clinic.com/Files/Logo%20PULSE%20Cross.png&quot; alt=&quot;Logo PULSE Cross.png (9 KB)&quot; width=&quot;17&quot; height=&quot;17&quot; /&gt;&lt;/span&gt;&lt;/span&gt;&lt;/p&gt;

การใช้ยารักษาอาการปวดท้องประจำเดือน

สาเหตุและการรักษาอาการปวดประจำเดือน

ว่ากันด้วยเรื่อง เทรนรูตูดยังไงให้รับแบบสบายใจ

ตรวจสุขภาพทางเพศและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

ตรวจสุขภาพประจำปี

ตรวจหาดีเอ็นเอเชื้อโรค 12 ชนิด (NAAT)

ฉีดวิตามิน

การคุมกำเนิด

การคุมกำเนิดชั่วคราว

การคุมกำเนิดถาวร

การคุมกำเนิดหลังคลอด

เสพติดหนังโป๊ทำให้เซ็กซ์เสื่อมได้

รู้จักโรคไส้เลื่อน ไม่ใส่กางเกงในคือสาเหตุของโรคไส้เลื่อนจริงหรือไม่?

การใช้ยารักษาอาการปวดท้องประจำเดือน

WHAT ELSE DO YOU NEED TO KNOW

RELATED SERVICES